Monday, November 13, 2006

PostHeaderIcon Lijiang Studio

Lijiang Studio;
30thYearAnniversary Relation
Thai-China/ Thai-Laos/ Thai-vietnam(2)


Lijiang studio, China; 13-27 July, 2006.

การเดินทางไปเมืองคุณหมิง และเมืองลี่เจียงของฉันเป็นครั้งแรก ได้รับเชิญมาจาก Jay Brown หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Artist in Residence ที่ชื่อว่า Lijiang Studio ค่ะ ก่อนจะเริ่มการเดินทางครั้งนี้ ฉันถึงกับลงเรียนวิชาภาษาจีนเบื้องต้น ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นเวลาเดือนครึ่งก่อนเลยนะคะ โชคดีได้ครูที่มาจากมณฑลหยูนานพอดี แถมก่อนไปเชิญเพื่อนนักข่าววัฒนธรรม China Daily มาร่วมสัมนาเกี่ยวกับสื่อและสันติภาพที่คณะสื่อสารมวลชนค่ะ เลยให้เพื่อนช่วยติวภาษาก่อนไปเมืองจีนครั้งนี้ ฮึ่ม เต็มที่แล้วที่นี้ ลุยเดี่ยวได้ ;-) ไปวันแรกก็โดนหลอกเลย ก็ค่าเดินทางจากสนามบินไปที่สตูดิโอ สิคะ ใครจะรู้ว่าพนักงานในสนามบิน ท่าทางน่าไว้ใจได้นั้น จะหลอกให้เราจ่ายตังค์แสนแพงขนาดนั้นได้ แล้วแถมคนขับไม่รู้ทางอีก ที่รู้เพราะว่าเห็นท่านโทรถามทางคนอื่นตลอด พูดว่า
“ไจ้ หนาหลี่
ตลอด โธ่เอ้ย นี่โทรหาคนที่สตูดิโอเลยดีกว่าพี่ว่าแล้วก็ชี้เบอร์โทรของ หลู้ (Lucille)ให้ หลู้เดินกลางถนนท่ามกลางรถและคนเดินพลุกพล่าน ฉันคิดว่าต้องเป็นหล่อนแน่ เลยลองโบกมือทัก... ใช่จริงๆด้วย ถึงเสียที เฮ้อ
หลู้พาเราไปสตูดิโอ แล้วแนะนำศิลปินจีนอีกคนที่อยู่ที่นั้น ศิลปินคนนี้เพิ่งมาได้ 2-3วันก่อนหน้าเรานี่เองมาจากเมือง ที่เราอยากไปมากกกก เมือง กว่างโจว หรือกวางตุ้งนั่นเองค่ะ ร่ำลือกันว่าวงการศิลปะร่วมสมัยที่นั่น น่าสนใจใช่ย่อยแถมยังมีเบียนนาเล่ ชื่อดังซะด้วย อยากไปจัง (มาตอนนี้(พฤศจิกายน) มีคนชวนไปแย้วแต่ไม่ว่างหน่ะ ด่วนไปหน่อย ฝากเอาหนังไปฉายแล้วกันนะจ๊ะ โธ่ )

เย็นวันนั้นหลู้พาเดินผ่านมหาวิทยาลัย หยูนาน ซึ่งอยู่ใกล้กับสตูดิโอเลย แล้วเดินไปถนนด้านหลังมหาวิทยาลัย เพื่อหาอะไรดื่มกัน ที่นั่นเราได้เจอ มู่ และ ศิลปินอีกหลายคน มู่เป็นผู้ชายคนนาซีซึ่งเป็


หนึ่งในผู้ก่อตั้งลี่เจียงสตูดิโอค่ะ มู่เรียนอยู่ที่ Rijksakademie van beeldende kunsten, the Netherlands ค่ะ เราไปทานอาหารเย็นด้ว


ยกันทั้งกลุ่มใหญ่ๆ แล้วก็เกิดขึ้นแบบนี้อีก เกือบทุกวันที่อยู่คุณหมิงเลยค่ะ อบอุ่นดีเนาะเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันเลย ตกดึกๆ ฉันก็ต้องอยู่ในสตูดิโอลำพัง กับศิลปินจีน ที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย เอาละดิ เราเปิด Dictionary คุยเรื่องนานาสาระ ทั้งภาษาจีนปนอังกฤษ ต่างคนต่างสอนภาษาให้กันพูดไปขำไป แต่ก็ดูจะคุยกันรู้เรื่องอย่างงั้นแหละ


อีกไม่นานเราทั้งกลุ่มก็ทะยอยกันเดินทางไปเมืองลี่เจียง ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากธิเบตมากนัก ฉันบินไปที่นั่นกับ Jay

Brown ฉันประทับใจเมืองนี้มากตั้งแต่แรกเห็น ทิวทัศน์สวยมากมีภูเขามากมายเหลือเกิน อากาศฤดูร้อนที่นี่ดูจะหนาว สำหรับฉันอยู่เหมือนกัน ที่ที่พักที่ ลาซาไฮ นี้ มีศิลปินจีนคนอื่นๆมาก่อนแล้ว ทุกๆเย็นเราก็จะมี artist talks


ส่วนการพูดเกี่ยวกับงานฉันเองนั้น ฉันวางแผนว่าจะทำอาหารไทยให้ทุกคนทาน ก่อนที่จะอวดงานให้เพื่อนๆที่นี่ดู


ในวันที่ทำอาหารหลายคนชอบอาหารของฉันมากๆ และหลายคนไม่คุ้นเคยกับความเผ็ด แบบเครื่องแกงไทย เอาเสียเลยก็จะ ทำหน้าประหลำประเหลือกเล็กน้อย



ตอนนที่ฉันอวดงานให้เพื่อนดู ก็ดูจะสนุกสนานครึกครื้นดี คนอึ้งกับงานฉันไปมาก และบอกว่าถ้าฉันรับทำงานแบบนี้ที่นี่คงรวยเลยนะเนี่ย หลังจากวันนั้นคนก็เริ่มขอให้ฉันสอนการตัดต่อวิดีโอ หรือช่วยถ่ายวิดีโอให้เพื่อเก็บข้อมูลกิจกรรมต่างๆ คืนนั้นหลังจากการอวดและพูดคุยกับศิลปินที่ร่วมพักอย่างถึงพริกถึงขิง ฉันก็คิดว่าฉันควรอาบน้ำก่อนนอนถึงแม้ว่าน้ำที่นี่จะเย็นฉียบแค่ไหนก็เถอะ


เช้าต่อมาอีกวันหนึ่งฉันเริ่มเป็นไข้ นอนซมไปทั้งวัน ฮื่มเริ่มไม่หนุกแล้วหน่ะ อากาศหนาวๆ แล้วเป็นไข้ติดต่อกันหลายวันขนาดนี้ Jay เลยส่งฉันไปพักในลี่เจียงเมืองเก่า ซึ่งจะเป็นที่พักที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกมากกว่านี้ พร้อมกันนั้นฉันจะได้เริ่มต้นทำงานสัมภาษณ์คนในเมืองเก่าด้วยเสียที


ที่เมืองเก่าฉันพักกับนักดนตรีจีนกลุ่มหนึ่ง พวกเขามาซ้อมดนตรีและเขียนอักษรจีนที่นี่ทุกวัน พวกเขาน่ารักดี และที่นี่


นักดนตรีหญิงคนหนึ่งก็ได้ขอให้ฉันช่วยสอนการตัดต่อวิดีโอด้วย


ที่เมืองเก่าเป็นเมืองมรดกโลก เป็นที่ที่มีนักท่องเที่ยวคนจีนและชาวต่างชาติมาก มีร้านรวงมากมาย และเป็นบ้านรูปแบบโบราณทั้งหมด ตอนกลางคืนหลังคาของทุกบ้านจะติดไฟสีเหลืองสวยงามมาก ถนนสายหนึ่งตอนกลางคืนเป็นบาร์ทั้งถนน กลุ่มหนุ่มสาวจะมานั่นดื่มกินกันที่นี่และตะโกนร้องเพลงล้อกับไปล้อกันมา เป็นวิธีการหาคู่ที่น่ารักดี ใช้ดนตรีหรือเสียงเพลงเข้าช่วย สมัยก่อนนั้นคนที่นี่มีการเลือกคู่โดยการเดินมองกัน ในจตุรัสกลางเมือง ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายเลือกคู่ โดยการเดินไปชนผู้ชายที่ตัวเองชอบ แล้วผู้ชายคนนั้นต้องเดินตามหล่อนไปจะตกลงอะไรกันจากนั้นก็แล้วแต่ ผู้ชายไม่มีสิทธิ์เป็นผู้เลือก



ที่เมืองเก่านี้ทุกเช้าฉันจะไปหาผู้จัดการร้าน Prague Cafe ที่ชื่อ Charlie ทุกวันเนื่องจากหล่อนเป็นคนๆเดียวที่จะช่วยฉันหาคนที่ฉันจะสัมภาษณ์ให้ได้ในเมืองนี้ หล่อนดีกับฉันมาก มาฉันเดินชมเมือง และทานอาหารท้องถิ่นอร่อยๆ ฉันคงคิดถึงหล่อนทุกทีที่คิดถึงเมืองนี้



ในช่วงที่ฉันอยู่เมืองเก่านั้นเอง มีCurator คนเวียดนามที่มาจากหอศิลป์คาซูล่า ประเทศออสเตรเลีย ที่ฉันได้เคยติดต่อทางอีเมล์มาสักพักแล้ว จะบินมาพบฉัน ชมเมืองลี่เจียงและ เยี่ยมชมลี่เจียงสตูดิโอด้วย เราเลยมาเจอกันที่ Prague Cafe ด้วยเหมือนกัน เขาได้ทุนจาก Asia Link เพื่อมาทำวิจัยเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมในประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขง หลังจากนั้นเราก็ไปเจอกันอีกเมือฉันกลับไปเชียงใหม่



วันก่อนที่ฉันจะต้องกลับนั้น ฉันยังไม่หายจากการเป็นไข้หวัดมากนัก ฉันเริ่มแพ้อาหารที่นี่ เนื่องจากรสชาติที่ฉันไม่คุ้นเคยกับความความเผ็ดและเค็มมาก ของอาหารตามร้านค้าที่นี่ ฉันมีโอกาสได้กลับไปเยี่ยมที่พักศิลปินที่ ลาซาไฮ อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอเพื่อนศิลปินจีนเสียหลายวัน ฉันกลับไปเพื่ออำลาและตกลงกันว่า ฉันจะกลับมาอีกครั้งเพื่อทำโครงการศิลปะที่ ลาซาไฮ นี้


วันสุดท้ายที่นี่เป็นวันที่โชคดีมากๆ เนื่องจากเป็นวันที่อากาศดี ไม่มีฝนตก และสามารถมองเห็นภูเขามักรหยก (ภูเขาน้ำแข็ง) ได้อย่างชัดเจน นี่ถือว่าเป็นแรกและวันสุดท้ายที่ฉันได้เห็นมัน ตั้งแต่ฉันพักอาศัยอยู่ที่นี่เลยทีเดียว เฮ้อไปแล้วจะกลับมาใหม่นะ


2 comments:

แปลภาษาฝรั่งเศส said...

ขอคุณมากค่ะสำหรับบันทึกการท่องเที่ยวในเมืองจีน น่าอิจฉามากๆ

suffer said...

ดีใจจังมีคนอ่าน :-)

Post a Comment

som's blog

hope this info is useful!

Total Reader

Powered by Blogger.